เส้นทางสายรูสะมิแล “วันรูสะมิแล”ชาวสงขลานครินทร์

วันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2511 คือหมุดหมายสำคัญของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เมื่อคณาจารย์และนักศึกษารุ่นบุกเบิกเดินทางมาถึงตำบลรูสะมิแล จังหวัดปัตตานี เพื่อเริ่มต้นการเรียนการสอนอย่างเป็นทางการ บรรยากาศการต้อนรับจากชุมชนอย่างอบอุ่น และการใช้ชีวิตร่วมกันดุจครอบครัว ได้ก่อกำเนิด “วันรูสะมิแล” ซึ่งกลายเป็นความทรงจำร่วมที่ไม่มีวันเลือนหายจากหัวใจชาวสงขลานครินทร์

สถาบันวัฒนธรรมศึกษากัลยาณิวัฒนา ขอเชิญติดตามเรื่องราวความทรงจำอันทรงคุณค่า ผ่านบทความ “เส้นทางสายรูสะมิแล : วันรูสะมิแลชาวสงขลานครินทร์” ที่บันทึกบรรยากาศ ความผูกพัน และจิตวิญญาณผู้บุกเบิกของวันนั้นไว้ในประวัติศาสตร์

ความทรงจำจาก รองศาสตรจารย์ฉวีวรรณ  วรรณประเสริฐ

ในการดำเนินงานจัดตั้งมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์  คณะกรรมการดำเนินการจัดตั้ง ซึ่งมี ฯพณฯ พันเอกถนัด  คอมันตร์  เป็นประธาน ได้พิจารณาเห็นว่าศูนย์ของมหาวิทยาลัยควรตั้งอยู่ที่ตำบลรูสะมิแล อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี ทั้งนี้ โดยพิจารณาจากเหตุผลและสิ่งแวดล้อมหลายด้านด้วยกัน เช่น ในทางประวัติศาสตร์ ปัตตานีก็เป็นเมืองใหญ่เก่าแก่มาแล้ว และในด้านการติดต่อกับจังหวัดใกล้เคียง เช่น สงขลา ยะลา นราธิวาส สตูล ได้สะดวก และราษฎรในจังหวัดนี้ก็ได้แสดงความกระตือรือร้นอยากให้มหาวิทยาลัยแห่งนี้มาอยู่ในเมืองตน ถึงกับได้แสดงความจำนงมอบที่ดินให้แก่ทางราชการ เพื่อใช้ในการก่อสร้างมหาวิทยาลัยโดยไม่คิดมูลค่า เป้นจำนวนประมาณ 54 ไร่

การก่อสร้างอาคารของมหาวิทยาลัย ได้เริ่มดำเนินการ เมื่อปี พ.ศ. 2508 เป็นต้นมา โดยทางรัฐบาลทางรัฐบาลได้อนุมัติเงินงบประมาณให้ในปี พ.ศ.2509 จำนวน 15,200,000 บาท พ.ศ. 2510 อนุมัติงบประมาณ 23,713,500 บาท ต่อมาปี พ.ศ. 2511 เพิ่มงบประมาณเป็นเงิน 24,465,400 บาท การก่อสร้างของมหาวิทยาลัยที่จังหวัดปัตตานีได้เสร็จเรียบร้อย สามารถเปิดดำเนินการสอนได้แก่ คณะศึกษาศาสตร์ เปิดสอนที่ศูนย์จังหวัดปัตตานี เป็นคณะแรก โดย ดร.นพ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา พร้อมด้วยคณาจารย์และข้าราชการ 13 คน นักศึกษาชาย 28 คน หญิง 34 คน และผู้ปกครองของนักศึกษาจำนวนหนึ่งได้เดินทางมาถึงรูสะมิแล เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2511 พวกเราได้รับการต้อนรับอย่างดียิ่งจากบรรดาข้าราชการ พี่น้อง ประชาชนจังหวัดปัตตานี

อาหารเย็นมื้อแรกที่ปัตตานี มี ฯพณฯ พันเอกถนัด  คอมันตร์  ดร.สตางค์  มงคลสุข คุณพูลสวัสดิ์ กำลังงาม (อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี) คณาจารย์ นักศึกษา ผู้ปกครอง ได้รับประทานร่วมกันแบบกันเอง ต่อมานักศึกษา อาจารย์ จะรับประทานอาหารเช้า เที่ยง เย็น ร่วมกันคุยไปกินไปอย่างมีความสุขเสมือนหนึ่งพ่อแม่ ลูก พี่น้องในครอบครัวเดียวกัน นักศึกษาทุกคนมีโอกาสได้พบอาจารย์ทุกคน จะปรึกษาหารือกับอาจารย์ได้อย่างเสรี คณบดีคณะศึกษาศาสตร์คนแรกดร.นพ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา ได้ไปเยี่ยมเยือนนักศึกษาที่หอพักอย่างน้อยที่สุดเดือนละ 1 ครั้ง เพื่อให้โอวาทแก่นักศึกษา และดูแลความทุกข์สุขด้วย มรความเป็นกันเองและความใกล้ชิดระหว่างคณบดีกับนักศึกษา

ความทรงจำจากศาสตราจารย์จำเริญ  เจตนเสน

เมื่อปี พ.ศ. 2511 คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เริ่มเปิดรับนักศึกษาเข้าเรียนในคณะ เป็นปีแรก โดยรับนักศึกษาสายวิทย์ ประมาณ 40 คน และนักศึกษาสายศิลป์ ประมาณ 20 คน แต่ได้รับไว้ทั้งหมดในปีแรก 63 คน โดยเปิดทำการสอนชั่วคราวที่คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ถนนศรีอยุธยา ด้านตรงกันข้ามกับโรงเรียนอำนวยศิลป์ หลังจากเรียนจบเทอมแรกแล้วก็ได้ย้ายมาเรียนที่วิทยาเขตรูสะมิแล จังหวัดปัตตานี อันเป็นสถานที่ตั้งถาวรของคณะ

ศ.จำเริญ เจตนเสน

ดำรงตำแหน่งคณะบดีคณะศึกษาศาสตร์ พ.ศ.2515-2517 และ 2523-2527

เราออกเดินทางมาปัตตานีกันโดยรถด่วนสายกรุงเทพฯ-สุไหงโกลก ตอนบ่ายวันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2511 มีนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ ซึ่งเปิดรับนักศึกษาก่อนคณะศึกษาศาสตร์ 1 ปี และยังคงเรียนอยู่ที่กรุงเทพฯ มาส่งน้อง ๆศึกษาศาสตร์กันมากมาย นอกจากนั้นก็มีบรรดาผู้ปกครองของนักศึกษาที่ได้มาส่งบุตรหลานของตนเองอีกมากมาย เช่นเดียวกัน

นักศึกษา 63 ชีวิต และครูบาอาจารย์อีก 8-9 คน อยู่ในลักษณ์ผู้บุกเบิกรุ่นแรกของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เรามากันอย่างร่วมเป็นร่วมตาย มาตายดาบหน้า เผยทุกคนคิดเช่นนี้ ฉะนั้นคงไม่ต้องบอกว่า ทั้งอาจารย์และลูกศิษย์ในรุ่นแรกนั้นทำไมจึงรักใคร่สนิทสนมกันมาก

9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2511 ตอนบ่าย รถด่วนกรุงเทพ-สุไหงโกลก ก็มาถึงสถานีโคกโพธิ์ บริเวณลานหลังสถานี ชาวเมืองปัตตานีมารับกันอย่างคับคั่งมากมายเป็นประวัติการณ์ มีเต้นท์พระภิกษุฝ่ายพุทธ และมีเต้นท์หะยีและโต๊ะอีหม่าม ฝ่ายอิสลามมาสวดอวยพรต้อนรับ ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานีมาเป็นประธานในการต้อนรับ ท่านอธิการบดี ท่านหัวหน้าส่วนราชการทุกหน่วยงาน ทหาร ตำรวจ และชาวเมืองปัตตานีถ้วนหน้ามาต้อนรับพวกเราด้วยความยินดีและเต็มใจยิ่ง ผู้มาทุกคนก็เต็มตื้นในไมตรีจิตของชาวปัตตานี ผู้มารับก็แสดงความเต็มใจและพอใจที่พวกเราอยู่กับเขา ข้าพเจ้าไม่มีวันลืม 9 พฤศจิกายน วันรูสะมิแล ก็เพราะเหตุการณ์ต่างๆ เหล่านี้

เมื่อเรามาถึง อาหารมื้อแรกของเราที่วิทยาเขตทำเลี้ยงรับ (ตอนนั้นเรามีโรงครัว ทุกคนทานข้าวโรงครัว อาจารย์กับศิษย์ทานข้าวด้วยกันทุกมื้อที่โรงอาหาร) ก็คือ ข้าวมัน แกงไก่ หมี่กรอบ ซึ่งกลายเป็นอาหารประเพณีใช้เลี้ยงรับน้องใหม่อีกหลายปีต่อมา จากการที่อาจารย์กับศิษย์ทานข้าวด้วยกันโดยอาจารย์กระจายไปนั่งตามโต๊ะศิษย์ทุกมื้อๆ และหลังจากเสร็จมื้อเย็น อาจารย์กับศิษย์ก็เดินคุยกันกลับไปยังหอพักนักศึกษา (ซึ่งมีอยู่หลังเดียวในปีแรก) ไปนั่งรวมกันในห้องนันทนาการ คุยกันทั้งเรื่องปัญหา และเรื่องตลกโปกฮา ว่างๆก็ขึ้นรถกะบะ (ทางจังหวัดให้ยืมมาใช้) ไปเที่ยวน้ำตก ไปเที่ยวชายทะเล เมื่อรถเสีย(มักเสียบ่อยๆ แม้แต่ในเมือง) ทั้งอาจารย์และศิษย์ก็ลงมาเข็นรถ การอยู่กันแบบพี่ ๆ น้อง ๆ หรือพ่อแม่กับลูก ๆ หลาน ๆนี้เอง ทำให้เราลืมวันรูสะมิแลไม่ลง

“วันรูสะมิแล” จึงเป็นวันที่ยกขึ้นเพื่อแทนวันที่นักศึกษา 63 ชีวิต และครูบาอาจารย์อีก 8-9 คน ของคณะศึกษาศาสตร์ เดินทางจากกรุงเทพฯมาอยู่ปัตตานีเป็นการถาวร วันรูสะมิแลจึงเป็นวันที่มีความหมายตามเรื่องราวข้างต้น


Scroll to Top