ใครที่มีโอกาสได้เดินเข้าไปในหมู่บ้านหรือชุมชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ หลายคนอาจจะได้เห็นร้านขายของชำที่ตั้งอยู่หน้าหมู่บ้านหรือในหมู่บ้าน ร้านค้าเหล่านั้นส่วนใหญ่เป็นร้านเพิงเล็ก ๆ ที่สร้างขึ้นมาอย่างง่าย ๆ ในที่ดินที่ไม่กว้างมากนัก โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ชุมชนเมือง บางร้านก็ดัดแปลงบางส่วนภายในบ้านเป็นร้านค้า โดยส่วนใหญ่แล้วร้านค้าเหล่านี้จำหน่ายสินค้าหลากหลายประเภท เรียกว่าแทบนานาชนิดที่เราอาจคาดไม่ถึง และบางร้านอาจไม่มีการโชว์สินค้าหน้าร้านเหล่านั้น
เมื่อตอนเด็ก ๆ ฉันยังจำได้ว่าร้านขายของชำหน้าหมู่บ้านที่ฉันอาศัยอยู่ เจ้าของร้านเป็นชาวไทยเชื้อสายจีน ชาวบ้านในชุมชนเรียกขานสั้น ๆ ว่า “ป้า” ตอนนั้นพวกเราเด็ก ๆ ไม่รู้จักชื่อจริงของป้า จนกระทั่งเราโตขึ้นมาหลายปีถึงจะได้รู้จักชื่อของป้า ร้านขายของชำของป้าจัดเป็นร้านขายของชำประจำหมู่บ้านขนาดกลางร้านแรก ๆ ไล่เลี่ยกับอีกร้านที่ตั้งฝั่งตรงกันข้ามกับร้านป้า ซึ่งเป็นร้านของชาวไทยเชื้อสายจีนเช่นเดียวกัน และทั้งสองร้านเจ้าของร้านสามารถพูดภาษามลายูได้
นอกจากนั้นภายในหมู่บ้านที่ฉันเคยอาศัยยังมีร้านขายของชำขนาดเล็กภายในหมู่บ้านอีกหนึ่งร้านซึ่งเจ้าของร้านเป็นชาวมุสลิม แต่จะมีสินค้าน้อยกว่าและไม่หลากหลายเท่ากับสองร้านที่กล่าวมาเบื้องต้น หากจะเปรียบเทียบร้านขายของชำในหมู่บ้านสมัยก่อนก็เปรียบเสมือนกับร้านสะดวกซื้อสมัยนี้ เพราะมีของขายสารพัด ตั้งแต่ผัก ผลไม้สด เครื่องครัว อาหารแห้ง สบู่ ผงซักฟอก แชมพู ถ่าน น้ำแข็ง ขนมบุหรี่ ยาสามัญประจำบ้าน เข็มด้ายฯลฯ หากสินค้าใดที่เราไม่เห็นวางโชว์หน้าร้าน ให้เราถามคนขายดู เขาจะเดินไปหลังร้านหรือไปยังที่วางของและรื้อของที่เราต้องการให้ จนเราเองนึกฉงนใจว่ามีของสิ่งนี้ขายด้วยหรือ
.jpg)
.jpg)
ร้านขายของชำในหมู่บ้านแม้จะไม่ได้เปิดขายตลอดเวลาเหมือนร้านสะดวกซื้อสมัยนี้ แต่ก็เปิดขายทุกวันไม่มีวันหยุด หากเป็นช่วงกลางคืนที่ร้านปิด แต่ชาวบ้านมีความจำเป็นต้องซื้อยาสามัญประจำบ้านเนื่องด้วยเหตุป่วยไข้ของสมาชิกในครอบครัวกระทันหัน เจ้าของร้านก็ไม่ลังเลที่จะเปิดร้านเพื่อขายยาฯ ให้อย่างมีน้ำใจ และในบางครั้งชาวบ้านสามารถซื้อสินค้าแบบเชื่อหรือติดเงินไว้ก่อน แล้วค่อยทยอยจ่ายทีหลังตามความสามารถ สิ่งนั้นคือภาพของร้านขายของชำดำเนินอยู่ตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน
ร้านขายของชำในหมู่บ้านในอดีตเป็นตัวชี้วัดหลักประการหนึ่งเกี่ยวกับสภาพเศรษฐกิจของชาวบ้านในชุมชน โดยสามารถวัดจากชนิดหรือประเภทที่ชาวบ้านในชุมชนนิยมซื้อบ่งบอกถึงความต้องการ ความจำเป็นและรายได้ของผู้ซื้อ ความถี่ในการซื้อ การซื้อสินค้าแบบเชื่อ จำนวนสินค้าที่นำมาจำหน่าย แม้กระทั่งรายได้ของผู้เป็นเจ้าของร้านขายของชำ ซึ่งสามารถมองสภาพการซื้อขายเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของระบบเศรษฐกิจในชุมชน ที่เน้นการซื้อขายกับชาวบ้านในชุมชนเป็นหลัก ผู้ขายเน้นการขายเพื่อรับผลกำไรเพื่อใช้ยังชีพเป็นหลัก ส่วนใหญ่ใช้แรงงานของสมาชิกในครอบครัวในการช่วยขายของ และมีการโอนถ่ายกิจการค้าขายเพื่อเป็นมรดกตกทอดแก่สมาชิกในครอบครัวเพื่อเป็นเจ้าของร้านค้าต่อไป
.jpg)
ในวันนี้แม้บทบาทและสถานะของร้านขายของชำในหมู่บ้านจะเปลี่ยนแปลงไปจากอดีตด้วยสาเหตุหลากหลายประการ ทั้งในเรื่องร้านค้าที่เพิ่มขึ้นในรูปแบบที่หลากหลาย เช่น ร้านสะดวกซื้อ การขายของทางออนไลน์ การขายพร้อมบริการส่งสินค้าแบบเดลิเวอรี่และรูปแบบอื่น ๆ แต่ร้านขายของชำอีกหลายๆ ร้านก็ยังคงดำรงอยู่โดยการปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัย แม้จะไม่รุ่งเรืองมากเท่ากับในสมัยอดีต โดยเฉพาะหากกิจการดังกล่าวได้รับการโอนถ่ายให้แก่ทายาทที่เป็นคนรุ่นใหม่ ก็จะมีการปรับรูปแบบร้านและการบริการให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค เช่น การปรับรูปโฉมร้านให้น่าเข้าไปซื้อจับจ่ายใช้สอย การบริการส่งสินค้าถึงบ้านโดยการเพิ่มค่าส่งหรือบริการฟรีเมื่อซื้อสินค้าครบตามยอดจำนวนที่กำหนด การมีโปรโมชั่นของร้านตามช่วงเวลาหรือเทศกาลต่าง ๆ
ทั้งนี้ จากการสังเกตุและลงพื้นที่ในชุมชนหลาย ๆ แห่งในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ พบว่า แม้ว่าขายของชำบางร้านยังยึดรูปแบบการขายและรูปลักษณ์แบบเดิม กลับยังสามารถดำรงอยู่ได้ เพราะยังคงมีผู้บริโภคจำนวนหนึ่งที่ยังคงมีความต้องการจับจ่ายใช้สอยสินค้าที่จำเป็น เนื่องจากร้านตั้งอยู่ในหมู่บ้าน ระยะทางใกล้ทำให้ซื้อได้ง่าย สินค้าขายปลีกในราคาไม่แพง เช่น ผงซักฟอก สบู่ ในราคาไม่เกิน 10 บาทยังพอซื้อหาได้ และบางร้านยังสามารถซื้อแบบเชื่อโดยอาศัยความไว้วางใจกันเช่นในอดีตได้
ซึ่งหากมองในภาพการคงอยู่ของร้านขายของชำในหมู่บ้าน นอกเหนือจากที่เราจะได้เห็นระบบเศรษฐกิจของชุมชนที่ดำรงอยู่มาช้านานในสังคมชายแดนใต้หรือภูมิภาคอื่น ๆ ของประเทศไทย เรายังได้เห็นรูปแบบของความเอื้ออาทร ความไว้เนื้อเชื่อใจ การปรับตัวในการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรมระหว่างเจ้าของร้านขายของชำซึ่งเป็นชาวไทยเชื้อสายจีน แต่อาศัยอยู่ร่วมกัน และทำการค้าขายในชุมชนมุสลิมแต่สามารถพูด หรือติดต่อสื่อสารในภาษาท้องถิ่นได้ โดยที่การยืนหยัดต่อสู้ของเจ้าของร้านขายของชำท่ามกลางการแข่งขันและเปลี่ยนแปลงของการค้ารูปแบบใหม่ ๆ ที่มีความรวดเร็วและดุเดือดอยู่ตลอดเวลา การคงอยู่ของร้านขายของชำในหมู่บ้าน จึงเป็นเสมือนหนึ่งสัญญาณของการพึ่งพาอาศัยกันในบทบาทที่แตกต่างกันของแต่ละฝ่ายที่ยังคงอยู่เพื่อหล่อเลี้ยง โอบอุ้มสถานะทางเศรษฐกิจของชาวบ้านในชุมชนให้สามารถค่อย ๆ เติบโตไปด้วยกัน แม้จะล้มลุกคลุกคลานบ้าง แต่ก็ถือได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของการก้าวเดินร่วมกันของผู้คนในชุมชน และสังคมในโลกและยุคสมัยแห่งการแข่งขันทางการค้าและการกระตุ้นการบริโภคทุกหนแห่งเฉกเช่นทุกวันนี้
____________________________
เขียน/เรียบเรียงโดยบทความโดย นางสาวรอฮานี ดาโอ๊ะ นักวิจัยสถาบันวัฒนธรรมศึกษากัลยาณิวัฒนา
.jpg)